หลายธุรกิจของภาคใต้ขานรับต่อนโยบายปรับขึ้นค่าแรง 300 บาท เชื่อจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่แรงงานดีขึ้น
ประธานกรรมการบริหารบริษัทตรังผลิตภัณฑ์อาหารทะเล จำกัด (มหาชน) หรือ TRS ผู้ผลิตและส่งออกหาอาหารทะเลแช่แข็งรายใหญ่ของภาคใต้เปิดเผยว่า สำหรับโรงงานที่มีขนาดใหญ่ หรือมีแรงงานตั้งแต่ 100-1,000 คนขึ้นไป ส่วนใหญ่ได้มีการปรับขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท ตั้งเมื่อกลางปี 2555 ที่ผ่านมา เพื่อให้ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก และค่าครองชีพในปัจจุบัน ซึ่งหากโรงงานใดไม่ยอมปรับเปลี่ยนค่าแรง ท้ายสุดคนงานก็จะหนีไหลออกไปหมด และเมื่อเทียบกับผลกำไรแล้วถือว่ายังคงคุ้มค่า
ด้านรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูป ในนาม บริษัท PFPกรุ๊ป จำกัด บอกได้มีการเตรียมความพร้อมพนักงานกว่า 3 พันคน ให้มีการปรับตัวด้วยเช่นกัน เพื่อพยุงต้นทุนการผลิตไม่ให้สูงขึ้น ตามวัตถุดิบ พลังงาน และค่าขนส่ง พร้อมกับเร่งขยาตลาดภายในประเทศให้มีสัดส่วนเท่ากับการส่งออก คือ 50-50 โดยยอมขาดทุนกำไร เพื่อแลกกับการไม่ปลดหรือ ลดจำนวนพนักงาน /ทั้งนี้ 6 เดือนแรก หรือไตรมาสที่ 2 หากรัฐบาลไม่สามารถเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศ และต่างประเทศยังไม่เพิ่มคำสั่งซื้อ ก็จะส่งผลกระทบต่อผลงานดำเนินกิจการของบริษัทฯ
ส่วนที่จังหวัดปัตตานี นโยบายค่าแรง 300 บาท ส่งผลให้แรงงานประมงต่างด้าว แห่ไปรับจ้างขายแรงงานทั่วไปบนฝั่ง ทำให้ขาดแคลนแรงงานประมงกว่า 1 หมื่นคน ผู้ประกอบการเรือประมงกว่า 300 ลำ กำลังประสบปัญหาและเลือกที่จะนำเรือมาจอดทิ้งไว้ จนกว่าจะหาแรงงานมาประมงได้
ขณะที่จังหวัดจันทบุรี เกิดธุรกิจใหม่ตามแนวตะเข็บชายแดน คือมีนายหน้าชาวกัมพูชา จัดหางานให้แรงงานในประเทศตนเอง ที่ต้องการทำงานโรงงานอุตสาหกรรมในไทยอย่างถูกต้อง แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ซึ่งแรงงานทั้งหมดก็ยอม เพราะหวังที่จะได้อัตราค่าจ้างจากค่าแรงวันละ 300 บาทในไทย
ป้ายกำกับ : หลายจังหวัด ขานรับขึ้นค่าแรง300บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น